ความผิดที่เกิดขึ้นกับผม....เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมได้ไปชอบผู้หญิงคนหนึ่ง(ตามประสาวัยรุ่น) เราก็ได้แลกเบอร์โทร.กัน เราก็คบหาแบบเป็นแฟนกันเป็นเวลาพักหนึ่ง
ภาพโดย เจ้าของเรื่อง
วันที่เกิดเหตุ คือ วันที่ 26 ธันวาคม 2556 เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น พอผมไปรับก็รู้ว่า แฟนโทรมาผมจึงฮัลโหลไปทันที จากนั้นเสียงในสายก็พูดขึ้นมาว่า “พี่เบียร์วันนี้ว่างไหมพาหนูไปเที่ยวหน่อย” ผมจึงตอบกลับไปว่า “แล้วออยจะไปไหนล่ะ” เขาจึงตอบกลับมาทันทีว่า “หนูอยากไปเที่ยวน้ำตก งั้นพี่มารับหนูที่หน้าบ้านนะ” จากนั้นพอวางสายไปผมก็ได้ขับรถไปรับเธอที่หน้าบ้าน
เราทั้งสองก็ใช้เวลาทั้งวันไปด้วยกันที่น้ำตกอย่างมีความสุข
พอถึงเวลาประมาณ 17.00 น.ผมก็ได้พาเธอกลับมาส่งที่บ้าน จากนั้นผมก็กลับมาที่บ้านของผม ผมจึงอาบน้ำและทานข้าวเตรียมตัวจะเข้านอน เวลาประมาณ 21.30 น. เหตุการณ์ที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นคือมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์มาดูก็รู้ว่าเป็นแฟนตัวเองโทรมา ผมก็รับโทรศัพท์ในทันที(ในใจก็คิดว่าโทร.มาทำไมดึกดื่น) จากนั้นเธอก็พูดมาในสายว่า "พี่เบียร์ออกมาหาหนูหน่อยดิ หนูรออยู่หน้าบ้านพอดีพ่อกับแม่หนูไม่อยู่ มาอยู่บ้านเป็นเพื่อนหนูหน่อย" ผมก็ได้ตอบตกลงไป หลังจากวางสายไปประมาณครึ่งชั่วโมง ผมก็ได้ไปหาเธอที่บ้าน ผมจึงถามเธอไปว่า “ออย พ่อแม่ไปไหนอ่ะ” เธอจึงตอบมาทันที "พ่อแม่หนูไปต่างจังหวัด" จากนั้นเราก็นั่งคุยกันซักพักนึง
จนเวลามันล่วงเลยเกินพอสมควร ....
จากนั้นเราก็เข้าไปนอนในบ้าน โดยเรานอนเตียงเดียวกัน จากนั้นเป็นเพราะความมืดและตามภาษาวัยรุ่นที่เราคบกันเป็นแฟน จึงทำให้เราเกิดมาอารมณ์ทางเพศ แล้วเราทั้งสอง ก็มีอะไรกัน
พอรุ่งเช้าผมก็ขอตัวกลับบ้านผมก่อน ผมก็ไม่คิดอะไรมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เพราะคิดว่าคงไม่มีใครรู้หรอก โดยเราก็คุยกันเป็นปกติ
พอเช้าวันที่ 28 ธันวาคม 2555 แฟนผมเขาก็โทรมาแต่เช้าตรู่ ผมก็ไม่คิดอะไรมากเพราะมันเป็นเรื่องปกติ พอรับโทรศัพท์เท่านั้น ผมก็ต้องตกใจเมื่อเธอพูดว่า "พี่เบียร์ พ่อแม่หนูรู้หมดแล้ว พอดีมีคนข้างบ้านเขาเห็นพี่มานอนกับหนู" ผมก็ตกใจพูดอะไรไม่ถูก จากนั้นก็มีเสียงแทรกมาว่า "ให้มาคุยกันที่บ้านก่อนว่าจะเอายังไง" พอพูดจบเขาก็วางสายไป
ผมนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกพ่อบอกแม่ของผม หลังจากนั้นเราก็พากันไปที่บ้านของแฟนผม เมื่อไปถึงพ่อของเธอก็มาต่อว่าผมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเขาเรียกค่าเสียหาย 5 หมื่นบาท พ่อผมก็ยอมตกลงจ่ายเงินให้ เรื่องจบลงเราทั้งสองก็ต้องเลิกลากันไปโดยพ่อแม่ของออยสั่งห้ามผมไปยุ่งกับเธออีก
หลังจากนั้นจนมาถึงเดือนมกราคม 2556 ตำรวจก็มาหาผมที่บ้านมาเอาหมายจับมาให้ผมดู ผมตกใจในทันทีที่เห็นหมายจับในข้อหาพรากผู้เยาว์ โดยที่ว่าเรื่องของผมมันจบไปตั้งนานแล้ว โดยที่ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ของออยไปแจ้งความเอาไว้ ผมและพ่อแม่ของผมก็ชี้แจงกับตำรวจไปว่าทางผมได้ชดใช้ค่าเสียหายให้เขาไปแล้วในครั้งนั้น แต่ตำรวจเขาตอบว่า มันเป็นคดีอาญายอมความกันไม่ได้ตั้งแต่วันนั้นเราก็สู้คดีกันเป็นเวลานานพอสมควร จนมาถึงปี 2556 ผมก็ถูกศาลสั่งควบคุมตัวไว้ในสถานพินิจ เพื่อดูความประพฤติ ซึ่งผมยังไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร…
บทสัมภาษณ์ความคิด/ความรู้สึกของเยาวชน
ก่อนที่จะทำตามเหตุการณ์ข้างต้น
"......ตอนนั้นรู้สึกดีใจที่เรามีแฟน และได้ไปไหนมาไหนด้วยกันไปทำตามใจภาษาวัยรุ่น และได้ไปมีอะไรกันเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์"
ขณะนี้ที่เกิดขึ้นต่อเหตุการณ์นี้
"......ตอนนั้นเรารู้สึกดีใจที่แฟนเรายอมมีอะไรด้วย มันเหมือนว่าเขารักเราจริงๆ เขาจึงยอมที่จะมีอะไรกับเรา"
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวไปแล้ว
"......ตกใจมากและรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับการกระทำของเราในครั้งนั้นที่ทำให้เราเสียทั้งเงินและความเดือดร้อนของพ่อแม่ที่เราทำลงไป เพราะความประมาทรู้เท่าไม่ถึงการณ์"
แนวทางการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์หรือพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้น
"......หากเราคบหากันแบบแฟนเราก็ควรที่จะศึกษาใจกันให้ดีก่อนที่จะมีอะไรกัน และอย่าไปมีอะไรกันกับแฟนหากแฟนอายุต่ำกว่า 15 ปีหรือ 18 ปี หากพลาดไปก็จะต้องมาพบจุดจบเหมือนผม"
ดูเอาฮา ..แต่มีสาระ
สาระสำคัญ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 บัญญัติว่า
"ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี และปรับตั้งแต่ 6,000-30,000 บาท"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น